ประสบการณ์สุขภาพ หยุดทรมานจาก เบาหวาน เรื้อรัง (20ปี) ด้วยวิธีแบบชีวจิต

ประสบการณ์สุขภาพ หยุดทรมานจาก เบาหวาน เรื้อรัง (20ปี) ด้วยวิธีแบบชีวจิต

หยุดทรมานจาก เบาหวาน เรื้อรัง (20ปี) ด้วยวิธีแบบชีวจิต

คุณยุพิน พรหมอารักษ์ หนึ่งในผู้บุกเบิกรำกระบองในจังหวัดอุดรธานี ป่วยเป็นโรค เบาหวาน มา 28 ปีแล้ว ต้องผ่าตัดทำบายพาสหัวใจ 4 เว้น เพราะผลข้างเคียงจากยาเบาหวาน และเมื่อปี 2542 ที่ผ่านมาก็รอดจาการถูกผ่าจัดขาอย่างหวุดหวิด

 

“ฉันเป็นเบาหวานตั้งแต่อายุ 40 ปี ทั้งที่ในครอบครัวไม่มีใครเป็นเลย รักษาด้วยการกินยาควบคุมระดับน้ำตาลมาตลอด ต่ำบ้าง สูงบ้าง ตามเรื่องตามราว ไม่ได้สนใจมันมากนัก กระทั้งเมื่อปี 42 เกิดปวดขา เลยเอาใบพลับพลึงไปผิงไปให้ร้อนแล้วนำมาห่อประคบบริเวณที่ปวด ปรากฏว่าหนังพองขึ้นมาเลย เพราะคนที่เป็นเบาหวานขาจะชา ถ้าเจ็บไม่มากก็ไม่รู้สึก

 

“แผลเล็กๆ เท่านั้นเอง ฉันล้างแผลทำความสะอาด แล้วก็รักษามาเรื่อย อาการดูเหมือนจะดีขึ้น แต่ก็ทรุดลงไปอีก แผลที่ดูเหมือนจะแห้ง แต่แล้วกลับไปแฉะอีกเป็นอย่างนี้ 5 เดือน ล่าสุดต้องไปนอนโรงพยาบาล 3 วัน เสียเงินไป 40,000 บาทกับแผลแค่นี้

 

“เบื่อมาก เช้าลืมตาตื่นขึ้นมาต้องล้างแผล สาย บ่าย เย็น ต้องล้างแผลตลอดเพราะหมอสั่งให้ล้างน้ำเกลือวันละ 5 เวลา แต่ก็ไม่เห็นจะดีขึ้น อาการยังคงทรงๆ ทรุดๆ เหมือนเดิม

 

“พี่น้องเริ่มแอบพูดกัน ตัดขาแน่ๆ ทำให้ฉันเริ่มกระวนกระวายใจ วันหนึ่งนำของไปถวายพระที่วัด ท่านถามว่า เป้นอย่างไรบ้าง สบายดีหรือ เราก็บอกว่า ไม่ค่อยสบายหรอกค่ะ ขาเป็นแผล ท่านบอกว่า ไม่เอายาดีที่ขอนแก่นไหม มีคนนิมนต์ไปเทศน์ เจ้าของยาเขาอยู่ที่นั่น

 

“ฉันไปกับท่านเลย ทั้งที่เดินไม่ค่อยไหวนะคะตอนนั้น จะก้าวลงจากรถก็ไม่มีแรงต้องยืนเกาะไว้สักพัก ขาสั่นไปหมด”

 

ยาที่คุณยุพินได้มาเป็นยาแคปซูลสมุนไพรที่เธอไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก เพราะเธอมีโอกาสได้เจอสิ่งที่คิดว่าดีกว่า

 

“ได้เจอกับผู้ชายคนหนึ่ง เขาเล่าว่า ครอบครัวผมเป็นเบาหวานกันทุกคน ผมกลัว ก็เลยหันมากินชีวจิต ตอนนี้ผมไม่เป็นอะไรเลย แล้วก็จดเบอร์โทรศัพท์ทิ้งไว้ให้ ฉันไม่รู้จักชื่อเขาด้วยซ้ำ กลับถึงบ้านก็ถือเอาเบอร์นั้นมาเล่าให้ลูกฟัง ประกอบกับเรามีความรู้เรื่องชีวจิตอยู่บ้างแล้ว เพราะเคยอ่านหนังสือและดูวีดีโอ แต่ไม่ลึกซึ้งนัก

 

“เมื่อปรึกษากันแล้วก็ตัดสินใจโทรศัพท์ไปตามเบอร์นั้น ปรากฏว่าเป็นชมรมชีวจิตขอนแก่น เขากำลังจะจัดคอร์สสุขภาพไปรังเย็นรีสอร์ท จังหวัดเลย พอดี แต่คนอุดรฯ ชวนใครไปด้วยก็ไม่มีใครไป ก็เลยไปชวนพี่สาว เขายอมไปเป็นเพื่อนเพราะคิดว่าเราต้องถูกตัดขาแน่ๆ

 

“ฉันไปเรียนรู้ 5 วัน ได้รู้ว่าผู้ชายคนนั้นชื่อ เฮียเหลียง เป็นคนนำรำกระบอง ได้รู้จักกับเพื่อนๆ มากมาย ได้เรียนรู้หลักการแบบธรรมชาติบำบัดหลายอย่าง เมื่อกลับบ้านจึงปฏิบัติแบบชีวจิตอย่าเคร่งครัด เปลี่ยนอาหารการกินใหม่หมด ไปรำกระบองอยู่ใต้ต้นไม้ที่สวนสาธารณะคนเดียว ผิดบ้างถูกบ้างก็ทำปวดเมื่อยไปทั้งตัว เพราะไม่เคยออกกำลังกายแบบนี้ แต่ไม่กล้าบอกพี่สาว กลัวเขาว่าและห้ามไม่ให้ทำ ไปทำซ้ำทุกวัน ประมาณหนึ่งอาทิตย์ก็หายปวด ตอนหลังมีคนมายืนดูสงสัยว่าเราทำอะไร

 

“แรกๆ ถ้าเห็นว่าใครสนใจ ฉันลงทุนทำกระบองแจกเลยจะได้มารำด้วยกัน ทำไปประมาณ 50-60 อันกว่าจะมีกลุ่มรำกระบองขึ้นมาได้ แผลฉันก็ค่อยๆ หายอย่าไม่น่าเชื่อ

 

“มีจัดคอร์สอีกครั้ง ฉันไปอีก เพราะต้องการรู้ทุกอย่างให้ถูกต้อง คราวนี้ชวนน้องสาวไป และเริ่มกินวิตามิน ระดับน้ำตาลก็ลดลงเรื่องๆ จนทุกวันนี้ฉันกินยาเบาหวานแค่เม็ดเดียวเท่านั้น”

 

คุณยุพินโชว์นิ้วมือที่มีรอยเจาะเลือดเล็กๆ ให้ดู พร้อมบอกว่าเธอเจาะเลือดดูระดับน้ำตาลแทบทุกวัน เพราะมีเครื่องสามารถตรวจเองได้ เดี่ยวนี้เธอสังเกตตัวเองอย่างละเอียดทุกอย่าง

 

“สังเกตกระทั่งว่าวันนี้กินอะไรเข้าไป พรุ่งนี้น้ำตาลขึ้นเท่าไหร่ วันนี้กินอะไร น้ำตาลจึงลด จำไว้ แล้วค่อยๆ ปรับอาหารไปเรื่อยๆ ไม่กินของที่อันตรายกับร่างกาย

 

กินปลาทอด น้ำตาลก็ขึ้น เดี๋ยวนี้ฉันใช้วีปิ้ง นิ่ง หรืออบ เพราะถ้าทอดเมื่อไร น้ำตาลขึ้นทันทีอย่าเห็นได้ชัด เสียดายที่รู้จักวิธีการดูแลตัวเองแบบนี้ช้าไป ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องผ้าตัดทำบายพาสหรอก”

 

เสียงบ่นอย่างนี้ของคุณยุพินดังขึ้นเพราะกว่ายี่สิบปีของการรักษาเบาหวาน เธอพึ่งยาเป็นหลัก และปริมาณยาที่ได้รับก็เพิ่มมากขึ้นทุกที จนส่งผลให้เส้นเลือดหัวใจตีบในที่สุด

 

“คุณหมอบอกว่า ตัวหัวใจของฉันยังปกติดีทุกอย่าง แต่เส้นเลือดตีบเพราะยาเบาหวาน ต้องผ่าตัดทำบายพาส ถูกแหวะตั้งแต่อกถึงสะดือ เหมือนกบเหมือนเขียด”

 

 

โรคหัวใจของคุณยุพินเริ่มขึ้นเมื่อปี 2538

 

“มีอาการแน่นหน้าอก ลมตีขึ้น และชาไปถึงสันหลัง น้องชายบอกว่าน่าจะเกี่ยวกับหัวใจ เพราะเขาก็เป็นโรคหัวใจเหมือนกัน แต่ฉันปฏิเสธเสียงแข็ง เพราะเช็คอยู่ทุกปีไม่เคยเจอ

 

เขาไม่ฟังหรอกค่ะ เพราะเรามีอาการเหนื่อยหอบ หายใจไม่ทัน พอถึงโรงพยาบาลเขาก็ให้ออกซิเขนเลย นอนให้น้ำเกลืออยู่ 3 วัน และหลังจากกลับไปตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง ลูกชายก็บอกว่า แม่ต้องผ่าตัดนะ ถ้าไม่ผ่า ต่อไปแม่จะไปไหนไม่ได้

 

ผ่าก็ผ่า ตอนนั้นไม่กลัวนะ หลังจากผ่าแล้วแผลภายนอกหายเร็ว เรานึกว่าจะหาย แต่อาการที่ไม่หายคือร้อนข้างในอยู่ 2 เดือน ต้องรอจนกว่าระบบข้างในจะปกติ

 

ทุกวันนี้หายดีแล้ว แต่แขนซ้ายก็ทำงานหนักไม่ได้อยู่ดี ปวด ทั้งที่ก่อนผ่าตัดไม่เป็นอย่างนี้ มาดีขึ้นหลังจากรำกระบองนี่เอง พยายามดูแลตัวเองให้ดี กลัวหมอให้ทำบอลลูนอีก ไม่อยากผ่าตัดอีกแล้วที่ผ่านมาก็คิดว่าคงเป็นบาปกรรมที่เราคงเคยผ่าสัตว์มาก่อน

 

สำหรับเบาหวาน ตอนหลังถึงได้รู้ว่าโรคนี้เกี่ยวกับความเครียดด้วย เราเป็นคนใจร้อน ลงมือทำอะไรแล้วต้องทำให้เสร็จทำให้ได้ ประกอบกับสมัยก่อนเราก็เคยลำบากมาเยอะ ต้องผ่านความเครียดโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่ได้ก็คือเบาหวาน หัวใจ และถ้าไม่ดูแลตัวเองให้ดี ต่อไปไตก็คงเสื่อมเป็นผลกระทบจากยา

 

จากครั้งแรกที่ไม่มีใครสนใจไปคอร์สกับคุณยุพิน ล่าสุดคนอุดรฯ ไปร่วมคอร์สที่รังเย็นรีสอร์ทถึง 30 คน เพราะอาหารป่วยที่พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถึงตอนนี้คุณยุพินทิ้งท้ายว่า “ฉันเคยทำบุญซื้อเครื่องเช็คหัวใจให้โรงพยาบาล คิดว่าจะไม่เป็นโรคหัวใจก็เป็นมีเงินมีทองเยอะแยะ คิดว่าจะไม่ป่วยหรือก็ไม่ใช่ มีลูกเป็นหมอ 2 คน ก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอกถ้าเราไม่ดูแลตัวเอง กลับไปกินตามปากอีกเมื่อไร โรคก็กลับมาเยือนเมื่อนั้น”

 

 

จากคอลัมน์ประสบการณ์สุขภาพ นิตยสารชีวจิต ฉบับ 54

ขอขอบคุณรูปภาพจาก unsplash
ขอขอบคุณรูปภาพจาก pixels
ขอขอบคุณข้อมูลจาก goodlifeupdate