สัญญาณเตือน โรคสมองเสื่อม ที่ต้องระวัง
ฉันเป็น โรคสมองเสื่อม แล้วหรือยัง คำถามนี้มีคำตอบ วงการแพทย์วินิจฉัยและจัดชั้นโรคสมองเสื่อมเป็น 3 ระดับ คือ เล็กน้อย ปานกลาง รุนแรง ด้วยการใช้คะแนนการทำงานของสมอง แต่คนทั่วไปมีโอกาสน้อยมากที่จะได้รับการวินิจฉัยดังกล่าว อย่างจบสิ้นกระบวนความ เพราะเป็นการวินิจฉัยที่สิ้นเปลืองเวลาพอสมควร ดังนั้นผม (นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์) แนะนำให้ทุกท่าน วินิจฉัยตัวเองด้วยเกณฑ์ง่ายๆ ที่เชื่อถือได้ดังนี้
1. โรคสมองเสื่อมระดับเล็กน้อย (Mild Cognitive Impairment : MCI)
วินิจฉัยเอาจาก การที่คนใกล้ ชิดทักว่าเราขี้ลืมซึ่งตัวหมอสันต์เองก็ถูกวินิจฉัยว่าเป็นสมองเสื่อมระดับนี้ไปแล้วเรียบร้อย
2. โรคสมองเสื่อมระดับปานกลาง (Instrumental Activities of Daily Living – IADL)
ให้วินิจฉัยเอาจากเกณฑ์ความสามารถในการทำกิจวัตรสำคัญประจำวัน 7 อย่าง หมายความว่ากิจกรรม 7 อย่างต่อไปนี้ หากท่านไม่สามารถทำอย่างใดอย่างหนึ่งแม้เพียงอย่างเดียว ท่านวินิจฉัยตัวเอง ได้เลยว่าเป็นสมองเสื่อมระดับปานกลางแล้ว กิจกรรม 7 อย่างนั้นคือ
2.1 อยู่คนเดียวได้ (Independence)
พูดง่ายๆ ว่าทนเหงาได้ อยู่คนเดียวแล้วมีความสุข มีทักษะที่จะสื่อสารกับคนอื่น (Communication Skill) ได้เอง เช่น พูดโทรศัพท์ ส่งอีเมล เล่นไลน์ เฟซ เป็นต้น
2.2 ขนส่งตัวเองได้ (Transportation)
ไปไหนมาไหนได้ในรูปแบบต่างๆ ด้วยตนเองตามความเหมาะสม เช่น ขับรถเอง ปั่นจักรยานเอง เดินไปตลาดเอง
2.3 เตรียมอาหารเองได้ (Preparing Meals)
เริ่มตั้งแต่การวางแผน จะกินอะไรบ้าง จะซื้ออะไร ขนของเข้าตู้เย็น หั่นหอม ซอยกระเทียม หุง ต้ม
2.4 ช็อปปิ้งเองได้ (Shopping)
จะซื้อของกินของใช้อะไรเข้าบ้านบ้าง ตัดสินใจเองได้
2.5 จัดการที่อยู่ของตัวเองได้ (Housework)
ซักผ้า กวาดพื้น ถูพื้น ดูดฝุ่น เอาขยะไปเท เอาสัมภารกไปทิ้ง
2.6 บริหารยาตัวเองได้ (Managing Medications)
ตัวเองกินยาอะไร อยู่บ้าง แต่ละตัวกินเพื่ออะไร ขนาดที่ต้องกินเท่าไร กินวันละกี่ครั้ง กินเมื่อใด มันมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง เมื่อไรควรจะลดหรือหยุดยา
2.7 บริหารเงินของตัวเองได้ (Managing Personal Finances)
ใช้จ่ายไม่เกินเงินที่ตัวเองมี จ่ายบิลต่างๆ เช่น ประปา ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต รับเงิน (ถ้ายังมีรายรับ) โอนเงิน ฝากเงิน ทำเองได้หมด
ทั้ง 7 อย่างนี้หากเสียไปอย่างใดอย่างหนึ่งแม้เพียงอย่างเดียว ท่านเป็นสมองเสื่อมระดับปานกลางแล้ว
3. โรคสมองเสื่อมระดับรุนแรง ให้วินิจฉัยเอาจากเกณฑ์ความสามารถในการทำกิจวัตรจำเป็นประจำวัน (Activities of Daily Living – ADL) 5 อย่าง
หมายความว่ากิจกรรม 5 อย่างต่อไปนี้ หากท่านไม่สามารถทำอย่างใดอย่างหนึ่งแม้เพียงอย่างเดียว ท่านวินิจฉัยตัวเองได้เลยว่าเป็นสมองเสื่อมระดับรุนแรงไปเรียบร้อยแล้ว กิจกรรมทั้ง 5 อย่างนั้นคือ
3.1 ดูแลสุขศาสตร์ส่วนบุคคลได้ (Personal Hygiene) เช่น อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ตัดเล็บ หวีผม
3.2 แต่งตัวได้ (Dressing) เลือกเสื้อผ้าเอง สวมเองได้อย่างเหมาะสม
3.3 กินอาหารได้เอง (Feeding) ไม่ต้องรอให้มีคนป้อนหรือใส่ท่อสายยางผ่านจมูก
3.4 การจัดการอึฉี่ตัวเองได้ (Continence Management) หมายถึงการอั้นเมื่อควรอั้น ปล่อยเมื่อควรปล่อย เมื่อไรควรไปห้องน้ำ และไปห้องน้ำเองได้
3.5 เคลื่อนไหวเดินเหินได้ (Ambulating) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยันกายจากท่านอนลุกขึ้นนั่ง จากนั่งลุกยืน จากยืนออกเดิน จากเดินกลับลงนั่งแล้วกลับลงนอน
ทั้ง 5 อย่างนี้ หากเสียไปอย่างใดอย่างหนึ่งแม้เพียงอย่างเดียว ท่านเป็นสมองเสื่อมระดับรุนแรงแล้ว มาถึงขั้นนี้ท่านไม่สามารถพึ่งตัวเองได้อีกต่อไปต้องตกเป็นภาระให้คนรอบข้างเข้ามาช่วยดูแล
อย่าเร่งให้ตัวเองสมองเสื่อมเร็วขึ้น
นอกจากจะเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตใน 5 ประเด็นที่ผมกล่าวไปข้างต้นแล้ว ทุกท่านอย่าเผลอเร่งให้ตัวเองสมองเสื่อมเร็วขึ้น ตัวอย่างเช่น
อยู่คนเดียวดีๆ ไม่ว่าดี กลับเคี่ยวเข็ญให้ลูกหลานมาอยู่เป็นเพื่อน มาพูดมาคุยด้วย โดยเฉพาะตอนกลางคืน เพราะกลัว เพราะเหงา โธ่ ปูนนี้แล้วยังไม่เลิกกลัวอีกเหรอ ปูนนี้แล้วยังจะมีอะไรเหลือให้กลัวอีก
จะขับรถเองก็ขับได้ แต่ไม่ยอมขับ ต้องให้คนอื่นมารับมาส่ง หรือจ้างคนอื่นขับให้
จะทำกินเองแบบง่ายๆ ในครัวก็ทำได้ แต่ไม่ยอมทำต้องออกไปซื้อเขากินข้างนอก หรือต้องรอคนอื่นซื้อเข้ามาให้ หรือไม่ก็กินของแห้งบรรจุซองพลาสติกแทน
จะเอาช้อนตักข้าวกินเองก็ได้ แต่ชอบอ้าปากให้ลูกหลานป้อน
แข้งขาก็ยังดี จะลุกจะเดินเองก็ทำได้ แต่เลือกจะนั่งจุมปุกหรือนอนแซ่วอยู่เฉยๆ ทั้งวัน
จะเข้าห้องน้ำเองก็ทำได้ แต่ไม่ยอมเข้า ต้องรอลูกหลานมาพาเข้าห้องน้ำ ให้เขาอาบน้ำให้ ให้เขาเช็ดตัวให้
จะเดินไปอึไปฉี่ที่ห้องน้ำเองก็ทำได้ แต่เลือกที่จะใส่ผ้าอ้อม (แพมเพิร์ส) ทั้งๆ ที่เป็นเวลากลางวันแสก ๆ และไม่ได้เดินทางไกลไปไหน
จะผลัดผ้าผลัดผ่อนเองให้เหมาะกับกาลเทศะก็ทำได้ แต่เลือกที่จะทรงชุดนอนตั้งแต่เช้ายันเย็น จนลืมไปว่าชุดนอนที่ใส่อยู่นี้ของเก่าเมื่อวานหรือของใหม่วันนี้
จะฝึกเดินเหินเองก็ได้ แต่ขี้เกียจ ต้องมีล้อเข็นมีวีลแชร์หรือไม้เท้า หรือเสื้อกันปวดหลัง หรือกาย อุปกรณ์อะไรก็ตามที่ซื้อมาใช้เพราะความขี้เกียจ ทำอย่างนั้นจะทุพพลภาพเร็วขึ้น
ข้อมูลโดย นายแพทย์สันต์ ใจยอดศิลป์
จากคอลัมน์ WELLNESS CLASS นิตยสารชีวจิต ฉบับ 509
ขอขอบคุณรูปภาพจาก unsplash
ขอขอบคุณรูปภาพจาก pixels
ขอขอบคุณข้อมูลจาก goodlifeupdate