สโตรก โรคแทรกซ้อนอันดับ 1 จากเบาหวาน

สโตรก โรคแทรกซ้อนอันดับ 1 จากเบาหวาน

สโตรก เพชฌฆาตเงียบปลิดชีวิตผู้ป่วยเบาหวาน

สโตรก (Stroke) หรือโรคหลอดเลือดสมองตีบ/ แตก เป็นหนึ่งในโรคแทรกซ้อนจากเบาหวานที่อันตราย ซึ่งถูกขนานนามจากกระทรวงสาธารณสุขของประเทศสหรัฐอเมริกาว่าเป็น “SilentKiller” หรือเพชฌฆาตเงียบ เหตุที่ถูกเรียกเช่นนี้เพราะผู้ป่วยจะมีอาการเฉียบพลัน ไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า

 

อาจารย์สาทิส อินทรกําแหง ได้กล่าวในบทความอัมพาต-อัมพฤกษ์ ชื่อเพราะดี แต่หน้าตาน่ากลัว ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 3 และ 10 ธันวาคม พ.ศ.2549 ว่า

 

“สโตรก (Stroke) เป็นอาการผิดปกติที่เกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ ซึ่งมี2 สาเหตุ คือ เส้นเลือดสมองตีบ (Ischemic Stroke) และเส้นเลือดในสมองแตก (Hemorrhagic Stroke) ส่งผลให้สมองขาดเลือดเฉียบพลัน และเกิดอาการพิการหรือเสียชีวิตได้ทันที”

 

ทั้งนี้สาเหตุสําคัญที่ทําให้เกิดเส้นเลือดสมองตีบและเส้นเลือดในสมองแตก คือ

 

ระดับน้ำตาลในเลือดสูง เมื่อมีน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานานจะส่งผลให้เส้นเลือดฝอยบริเวณสมองเสื่อม ขาดความยืดหยุ่นจึงเปราะแตกง่าย ขณะเดียวกันจะทําให้เลือดข้นเหนียว อาจเกิดลิ่มเลือดอุดตันในเส้นเลือดสมอง ทําให้สมองขาดเลือดได้

 

ระดับไขมันในเลือดหรือคอเลสเตอรอลสูง เพราะผู้ป่วยเบาหวานส่วนใหญ่ยังคงกินผิด (ชอบกินแต่ของหวานและมัน) จึงมักเกิดโรคร่วมตามมา คือ ภาวะไขมันในเลือดสูง (มากกว่า 200มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตรขึ้นไป)โดยไขมันและแคลเซียมจะไปเกาะรวมกันแน่นที่ผนังเส้นเลือดเกิดเป็นคราบเหนียวหรือพลัค (Plaque) นานวันเข้า พลัคจะหนาขึ้น ทําให้เส้นเลือดแคบลง เกิดภาวะผนังเส้นเลือดสมองแข็ง(Atherosclerosis) และเส้นเลือดสมองอุดตัน ไม่ต่างจากการเกิดสนิมของท่อประปาเหล็กที่ถูกใช้งานมานาน หากปล่อยทิ้งไว้ต่อไป สนิมจะจับตัวหนาเกรอะ การขนส่ง “น้ำ” ก็ไม่คล่อง และผ่านท่อไม่ได้ในที่สุด

 

ความดันโลหิตสูง เป็นโรคคู่หูของเบาหวาน โดยความดันโลหิตสูง (มากกว่า 140 / 90 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป) จะทําให้เส้นเลือดสมองบางส่วนโป่งพองออกมา (Aneurysm) และจุดที่โป่งนั้นมีความเปราะบางสูง จึงแตกง่าย และเลือดจากรอยแตกก็จะไหลไปกดทับเซลล์สมอง ทําให้สมองส่วนนั้นตาย เมื่อสมองตายหรือขาดเลือดจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งนี้ จะทําให้ผู้ป่วยกลายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือเสียชีวิตนั่นเองด้วยเหตุนี้

 

อาจารย์สาทิสจึงย้ำนักย้ำหนาว่า ให้ป้องกันโรคเบาหวานและสโตรกด้วยการปรับเปลี่ยนอาหาร ลด ละ เลิกน้ำตาล แป้งขัดขาว ขนมหวาน อาหารมันๆทั้งปวง และให้เลิกสูบบุหรี่ เลิกดื่มเหล้า เพราะเหล้าและบุหรี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเร่งให้เกิดพลัคด้วย

 

 

อาหารลดความเสี่ยงสโตรก

นอกจากงดอาหารที่เพิ่มความเสี่ยงการเป็นสโตรกแล้ว เรายังสามารถตัดวงจรการเกิดโรคสโตรก ซึ่งเป็นโรคแทรกซ้อนจากเบาหวานได้ ด้วยการเลือกกินอาหารที่มีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดดังนี้

 

 

ปลา ให้กินสัปดาห์ละ 2 มื้อ โดยเฉพาะปลาสวายเพราะมีปริมาณกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยออริกอน ระบุว่า กรดไขมันโอเมก้า 3 มีส่วนประกอบของกรดไขมันอีพีเอที่มีส่วนช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ทําให้เลือดแข็งตัวช้าลง และลดการเกาะตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือดในสมอง จึงลดความเสี่ยงโรคสโตรกได้

 

 

กระเทียมสดให้กินอย่างน้อยวันละ 7 – 12 กลีบ เนื่องจากมีสารเอส – อัลลิล- ซีสเทอีน (S-allylcysteine)ที่ช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนอินซูลินจากตับอ่อน จึงช่วยเพิ่มความสามารถในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน นอกจากนี้กระเทียมยังช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอล ในร่างกายด้วย

 

 

ผักใบเขียว ข้อมูลจาก โรงพยาบาลลําปาง พบว่า หากกินผักใบเขียวอย่างน้อยวันละ 5 ฝ่ามือ จะช่วยลดโอกาสการเป็นเบาหวานได้ถึง 14 เปอร์เซ็นต์ เพราะในผักใบเขียวเต็มไปด้วยสารแอนติออกซิแดนต์อย่างเบต้าแคโรทีน ซึ่งช่วยในการลดระดับน้ําตาลในเลือด อีกทั้งสามารถยับยั้งคอเลสเตอรอลไม่ให้รวมตัวกันเป็นพลัคไปเกาะผนังหลอดเลือดจนทําให้เกิดโรคสโตรกเพราะฉะนั้นลองหันมากินอาหารเหล่านี้มากๆกันดีกว่าครับ

 

สโตรก เป็นอาการเฉียบพลัน ดังนั้นเราต้องรู้จักป้องกันไว้ก่อน

 

 

ขอขอบคุณรูปภาพจาก unsplash
ขอขอบคุณรูปภาพจาก pixels
ขอขอบคุณข้อมูลจาก goodlifeupdate