เป็นโรคไตระยะ 3-4 แล้ว มีวิธียืดระยะเวลาในการฟอกไตออกไปไหม ?
คำตอบก็คือ “มีค่ะ” แต่ว่า.. จะต้องมีเคล็ดลับกันนิดนึงนะคะ
แต่บอกไว้ก่อนเลยว่า เทคนิคนี้สามารถชะลอไตเสื่อม ได้นานถึง 14 ปี เลยทีเดียว !!
เอาล่ะค่ะ เรามาดูวิธีและขั้นตอนที่ใช้กับผู้ป่วยจริง ๆ กันเลยดีกว่าค่ะ รับรองว่า อ่านง่าย เข้าใจง่ายแน่นอน
แต่ก่อนจะไปดูกันต่อ ถ้าเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์กับคุณ หรือกับเพื่อน ๆ ของคุณ ช่วยแชร์กันไปได้เลยนะคะ อายจะขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ
ในการทดลองนี้ จะมีกลุ่มตัวอย่างอยู่ 2 กลุ่ม เรียกย่อ ๆ ว่า กลุ่มคลองขลุง กับ กลุ่มทรายทอง
โดยกลุ่มคลองขลุง จะใช้วิธีการชะลอไตเสื่อมแบบใหม่ ส่วนกลุ่มทรายทอง ใช้วิธีแบบธรรมดา ๆ ที่เป็นแบบเก่า
สิ่งที่แตกต่างกัน ก็คือ เทคนิคคลองขลุง จะมีเรื่องการสาธิตปรุงอาหารให้กับผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมา มีการเยี่ยมบ้านผู้ป่วยที่บ่อยกว่า
และมีการบันทึกความดัน อาหาร รวมถึงการออกกำลังกายของผู้ป่วยด้วยค่ะ
เป้าหมายของการชะลอไตเสื่อม จะควบคุมค่าต่าง ๆ ให้ได้ตามนี้ค่ะ
รวมถึงเวลาไปเยี่ยมบ้านผู้ป่วย ก็จะทำการจดบันทึกข้อมูล 4 อย่างนี้ ทุก ๆ ครั้ง
ตัวอย่าง การบันทึกอาหาร
ทำแบบนี้ ไปเป็นระยะเวลา 2 ปี ผลลัพธ์ที่ออกมา เป็นที่น่าพอใจอย่างมาก คือ พบว่า เทคนิคนี้ สามารถช่วยยืดเวลาล้างไตไปได้นานถึง 14 ปี เลยทีเดียว !
ซึ่งโดยปกติค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 7 ปี ผู้ป่วยก็ต้องเตรียมตัวฟอกไตแล้ว เท่ากับว่า ยืดเวลาไปได้อีกเท่าตัวเลยค่ะ ถ้าในทางปฏิบัติจริง ๆ หลายคน ไม่ถึง 7 ปี ก็ต้องฟอกไตแล้วด้วยซ้ำ หรือบางคนก็สามารถยืดไปได้นานกว่า 14 ปีก็ยังมีทั้งนี้ก็ขึ้นกับการดูแลตัวเองด้วยนะคะ
ข้อมูลสำคัญอีกอย่างนึงเลย ก็คือ ปัจจุบัน คนไทยมีแนวโน้มที่จะป่วยเป็นโรคไตเรื้อรังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยสาเหตุส่วนใหญ่ 70% เกิดจากเบาหวานและความดันโลหิตสูง
และจากข้อมูลปี 2558 โดยกระทรวงสาธารณสุข พบว่า คนไทยป่วยเป็นโรคไตเรื้อรัง ประมาณ 8 ล้านคน โดยเป็นผู้ป่วยโรคไตระยะสุดท้าย 200,000 คน แถมยังมีเพิ่มขึ้นอีกปีละกว่า 7,800 คน ที่สำคัญ ส่วนใหญ่ผู้ป่วยไม่ทราบว่าตนเองเป็นโรคไตเรื้อรัง จนกระทั่งเข้าสู่ระยะที่ 4-5 แล้ว
**สำหรับใครที่ อ่านมาจนถึงตรงนี้ แล้วสงสัยว่า ตัวเองเข้าข่าย เป็นโรคไตหรือเปล่า เข้าไปเช็คอาการกันได้ ที่นี่ค่ะ
นอกจากนี้ ยังมีโรงพยาบาลอื่น ๆ ที่ได้เอาโมเดลนี้ ไปใช้และได้ผลมาแล้ว กับผู้ป่วยหลายร้อยคนเลย และหนึ่งในนั้น ก็คือ คลินิกชะลอไตเสื่อมโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีเป้าหมาย
ที่จะเปลี่ยนแปลงใน 4 เรื่อง คือ…
1. การรับรู้ความสามารถตนเองในการควบคุมอาหาร
2. ความคาดหวังในผลลัพธ์ของการควบคุมอาหาร
3. พฤติกรรมการควบคุมอาหาร
4. ค่า Cr และ eGFR
ผลลัพธ์ที่ออกมา.. พบว่า ใน 10 เดือน ที่ทำการทดลอง ผู้ป่วยมีความรู้ในการเลือกอาหาร
ปรุงอาหารและกินอาหารได้อย่างเหมาะสมกับโรค สามารถดูแลสุขภาพได้ดีขึ้นเป็นอย่างมาก และที่สำคัญ ค่า Cr และ eGFR ก่อนเข้าโปรแกรมและหลังเข้าโปรแกรม ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งหมายความว่า ชะลอไตเสื่อมได้จริง นั่นเองค่ะ
ถ้าให้อายสรุปสิ่งสำคัญ ๆ และวิธี ที่เราจะเอามาประยุกต์ใช้ได้ จากโมเดลนี้
ก็จะมีอยู่ด้วยกัน 3 ข้อค่ะ *จำง่าย ๆ ว่า “เทคนิค 3 ค. ชะลอไตเสื่อม*
> ค. ที่ 1 คือ ความรู้ เรื่องโรคไต
ผู้ป่วยต้องทำความเข้าใจก่อนค่ะว่า โรคไตระยะ 3-4 ไม่สามารถกลับไปหาย เป็นปกติได้ และไม่มียาวิเศษหรือสมุนไพรเทพที่ไหนทำได้ด้วย ส่วนใหญ่จะยิ่งเร่งให้ฟอกเร็วขึ้นอีกต่างหาก
วิธีที่ดีที่สุด ก็คือ การชะลอไตเสื่อม เพื่ออยู่ในระยะ 3-4 นี้ให้นานที่สุดเท่านั้น เพราะคงไม่มีใครอยากจะฟอกไตหรอกจริงไหมคะ ทั้งเจ็บค่าใช้จ่ายสูง ต้องมารพ.บ่อย แถมต้องใช้เวลากับการรักษานานด้วย เพราะงั้นในข้อแรกนี้ ถ้าเรามีความรู้ ความเข้าใจก่อนจะช่วยได้มากเลยค่ะ
> ค. ที่ 2 คือ ความดัน
เพราะความดันมีผลกับ หลอดเลือดฝอยที่ไต หรือถ้าใครความดันสูงนาน ๆ ก็เป็นการเร่งให้ไตเสื่อมเร็วขึ้นค่ะ
ส่วนวิธีวัดความดันที่ได้ผล แนะนำให้วัดตอนเช้า (ตื่นนอน) ครั้งต่อไปคือช่วงเที่ยวถึงบ่ายโมง และวัดอีกครั้งตอนก่อนนอน
(วัดวันละ 3 ครั้ง)
ซึ่งโดยปกติคนเราจะความดันสูง ช่วงเช้าและต่ำในช่วงเย็น กับก่อนนอน แบบนี้จะเหมาะสมที่สุดค่ะ
**วัดในท่านั่งทุกครั้ง และที่สำคัญ ทานยาความดัน อย่างสม่ำเสมอตามที่คุณหมอบอกด้วยนะคะ ถ้าความดันเราเริ่มคงที่หรือดีขึ้นแล้ว เดี๋ยวคุณหมอจะลดยาให้เราเองค่ะ
> ค. สุดท้าย ก็คือ คุมอาหาร
เรื่องนี้สำคัญและมีผลกับคนโรคไตเยอะมากค่ะ เพราะถ้าเราควบคุมอาหารไม่ดี ก็เป็นการเร่งให้สุขภาพไตแย่เร็วขึ้น
ทำให้เรามีเวลาอยู่กับคนที่รักได้น้อยลง ทำให้เราทรมานมาก เช่น ถ้าเราไม่คุมโพแทสเซียม บางคนถึงกับนอนไม่ได้ แน่นหน้าอก หัวใจเต้นผิดปกติ ถ้าโซเดียมสูงมาก ๆ อาจถึงขั้นบวมจนน้ำท่วมปอดได้
หรือถ้ากินโปรตีนน้อยเกินไป ก็ทำให้เกิดภาวะขาดสารอาหาร และบวมได้เหมือนกัน เพราะงั้น ถ้าเราเลือกอาหารเป็น รู้ว่าอาหารแบบไหนที่กินได้บ่อย ๆ แบบไหนกินได้นาน ๆ ครั้ง หรือแบบไหนห้ามกินเลย ก็จะทำให้เราชะลอไตเสื่อมได้นานขึ้น
**วิธีคุมอาหารหลัก ๆ ของระยะก่อนฟอกไต คือ อาหารโปรตีนต่ำ ลดเค็ม และคุมฟอสฟอรัส ค่ะ**
และนี่คือ 3 เทคนิคชะลอไตเสื่อม ที่อายเอามาแบ่งปันกัน สำหรับใครที่กำลังอยู่ใระยะ 3-4
ถ้าดูแลตัวเองได้ตามหลัก 3 ค. นี้ อายเชื่อว่าคุณจะต้องชะลอการฟอกไตไปได้อีกนานแน่นอนค่ะ
อย่าลืมแชร์บทความนี้ ให้คนที่คุณรักกันด้วยนะค๊าา ขอบคุณมากค่ะ
ข้อมูลอ้างอิง :
– แนวทางการดำเนินงานเพื่อลดโรคไตเรื้อรัง (CKD) ปี2559 ในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง โดย พญ.จุรีพร คงประเสริฐ
– แนวทางการ implement NCD และ CKD clinic แบบบูรณาการ โดย นพ.สกานต์ บุนนาค
– ผลของโปรแกรมควบคุมอาหาร สำหรับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ในคลินิกชะลอไตเสื่อม
โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา จาก วารสารสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย
goo.gl/1CXTVa
goo.gl/gUV6Q8
ขอขอบคุณรูปภาพจาก pixels
ขอขอบคุณรูปภาพจาก unsplash
ขอขอบคุณรูปภาพจาก kidneymeal
ขอขอบคุณข้อมูลจาก kidneymeal